สมาร์ทฟาร์ม (Smart Farm) กำลังเติบโตเป็นอย่างมากทั่วโลก เป็นการบริหารจัดการฟาร์มด้วยเทคโนโลยี เช่น IoT (Internet of Things), หุ่นยนต์, โดรน และโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และช่วยให้สามารถใช้แรงงานคนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
ระบบสมาร์ทฟาร์มนั้นใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางด้านเกษตรกรรม (Agriculture) และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (Aquaculture) ให้เจ้าของ หรือผู้ดูแลฟาร์มเกิดความสะดวกสบาย สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที รวมถึงใช้เวลาในการบริหารจัดการฟาร์มน้อยลงจากการใช้เทคโนโลยีมาช่วยนี้
IoT (Internet of Things)
เทคโนโลยี IoT (Internet of Things) เริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยมากขึ้น ก่อให้เกิดสินค้าแบบ Smart ต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟน (Smart Phone), สมาร์ทวอทช์ (Smart Watches), สมาร์ทไบค์ล๊อค (Smart Bike Lock) ซึ่งธุรกิจประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การแพทย์ เกษตรกรรม หรือธุรกิจค้าปลีก และอื่น ๆ ก็ล้วนแต่ใช้เทคโนโลยี IoT ทั้งสิ้น รวมทั้ง IoT เป็นเทคโนโลยีที่ยกระดับการทำเกษตรกรรมให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น
เทคโนโลยี IoT ประกอบไปด้วยตัวเซ็นเซอร์ที่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณ รับส่งข้อมูลผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ต ซึ่งทำให้บริษัท หรือธุรกิจต่าง ๆ สามารถเห็น และเก็บข้อมูล จนกลายเป็นฐานข้อมูลที่มีมูลค่าสำหรับธุรกิจ โดยคาดการณ์กันว่าภายในปี 2025 จะมีผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้ระบบ IoT ถึง 75 พันล้านชิ้น
บริษัทชั้นนำทั่วโลกใช้ระบบ IoT อย่างไรบ้าง
อะลีบาบา (Alibaba) กำลังลงทุน 10 พันล้านหยวน หรือประมาณ 44 พันล้านบาท ในการเพิ่มจำนวนสมาร์ทวอยซ์ (Smart Voice) ที่ชื่อ จินนี่ เพื่อใช้ในเวบไซต์ของอะลีบาบา และแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น แพลตฟอร์มให้บริการด้านความบันเทิง เป็นต้น
กลุ่มบริษัทผลิตยางรถยนต์ชื่อดัง มิชลิน (Michelin) ได้ใช้ระบบ IoT ในการเพิ่มการตรวจกระบวนการจัดการการขนส่งให้ชัดเจนขึ้น และใช้ติดตามการขนส่งทางทะเลแบบเรียลไทม์ เพื่อพัฒนาความพอใจให้กับลูกค้าในกระบวนการส่งของ
สตาร์บัค (Starbucks) ใช้ระบบ AI และ IoT กับบัตรสมาชิก loyalty card ในการเก็บข้อมูล และจัดการบริการลูกค้าจากข้อมูลให้ดีและเหมาะสมกับลูกค้ายิ่งขึ้น เช่น ส่งโปรโมชั่นเฉพาะกลุ่มผ่านข้อมูลจากประวัติการซื้อ หรือแม้กระทั่งการเปิดสาขาใหม่จากข้อมูล เช่น คู่แข่งในพื้นที่ จำนวนลูกค้า หรือรายได้ของคนในละแวกนั้น
ประโยชน์ของ IoT ต่อการเลี้ยงกุ้งในระบบ สมาร์ทฟาร์ม (Smart Farm)
– ลดความเสี่ยง
เกษตรกรสามารถเช็คข้อมูลค่าออกซิเจนละลายน้ำ (DO) ค่าพีเอช (pH) อุณหภูมิ และค่าอื่น ๆ ได้แบบเรียลไทม์ (Real-time data) ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงมีระบบการแจ้งเตือนทันทีเมื่อค่าต่าง ๆ ต่ำกว่าค่าที่ตั้งไว้ ทำให้เกษตรกรสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันทีก่อนจะสายเกินไป
– ความสะดวกสบาย
เกษตรกรสามารถสั่งการผ่านแอปพลิเคชั่นอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจากที่ไหนก็ตาม พร้อมระบบแจ้งเตือนตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถต่อเข้ากับปั๊มน้ำดี น้ำเสีย และเครื่องให้อาหาร อีกทั้งสามารถสั่งการเครื่องตีน้ำได้ผ่านแอปพลิเคชั่น
– ประหยัดค่าใช้จ่าย
เกษตรกรสามารถตั้งค่าออกซิเจนละลายน้ำ (DO) ที่เหมาะสมกับสายพันธุ์กุ้งได้ หากค่าออกซิเจนละลายน้ำ (DO) ต่ำกว่า ที่ตั้งไว้ เครื่องตีน้ำจะทำงานอัตโนมัติ และหากค่าออกซิเจนละลายน้ำ (DO) กลับมาที่ค่าที่กำหนด เครื่องตีน้ำจะหยุดทำงานอัตโนมัติเช่นกัน การเปิดปิดอัตโนมัติช่วยลดค่าไฟฟ้า เนื่อจากลดการทำงานของเครื่องตีน้ำที่ไม่จำเป็นต้องใช้ และยังช่วยลดการจ้างแรงงานคน โดยเจ้าของฟาร์มสามารถดูค่าคุณภาพน้ำต่าง ๆ ได้ผ่านแอป ตลอด 24 ชั่วโมง
– เพิ่มผลผลิต
เกษตรกรสามารถใช้ข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกบันทึกจากการเก็บข้อมูลตลอดการเลี้ยงมาช่วยตัดสินใจในการบริหารจัดการ เช่น การพาเชียลกุ้ง การลดหรือเพิ่มการใช้เครื่องตีน้ำ รวมถึงการนำข้อมูลไปใช้ในการวางแผนการทำงานของการลงกุ้งรอบถัดไป เป็นต้น
เพิ่มความแม่นยำและความสะดวกในการวัดค่าคุณภาพของน้ำได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เครื่องควบคุมจัดการฟาร์มกุ้งระบบสมาร์ทฟาร์ม (Smart Farm) ของไฮโดรนีโอ มากับอุปกรณ์เซ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่ต่อผ่านเครื่องควบคุม เพื่อให้ผู้ใช้งานเห็นค่าเรียลไทม์และสามารถตรวจสอบคุณภาพน้ำได้จากทุกที่ตลอด 24 ชม ผ่านแอปพลิเคชั่น