หลังผ่านช่วงร้อนจัดมายาวนาน กลางเดือนพฤษภาคมเป็นสัญญาณว่า “พระพิรุณ” เริ่มทำงาน มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดพาความชื้นจากมหาสมุทรอินเดียและทะเลอันดามันเข้าประเทศ ทำให้ฝนตกยาวไปจนถึงกลางตุลาคม แต่ถ้าอยู่ภาคใต้ ยังไม่จบแค่นั้น ช่วงกลางตุลาคมถึงกลางกุมภาพันธ์ ยังเจอลมหนาวจากจีน (มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ) พัดผ่านทะเลไทย แถมแบกความชื้นมาด้วยอีกต่างหาก ทำให้ชาวเลี้ยงกุ้งทางใต้ต้องรับมือกับ “ฝน 8 แดด 4” กันแทบทั้งปี
เมื่อฝนมา…ปัญหาก็ตามมา
เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝน เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งต้องเตรียมใจและเตรียมบ่อให้พร้อม งานหนักกำลังจะเริ่มขึ้น เพราะฝนเจ้ากรรม นำมาซึ่งสารพัดปัญหา ทั้งคุณภาพน้ำที่ผันผวน สุขภาพกุ้งที่อ่อนแอลง อัตราการรอดลดฮวบ ไปจนถึงต้นทุนที่พุ่งไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟ ค่ายา และค่าวัสดุปรับคุณภาพน้ำ

คุณภาพน้ำที่ผันผวน
ค่าความเค็มลดลงอย่างรวดเร็ว (Sudden drops in salinity) ฝนจะเป็นตัวเจือจางค่าความเค็มในบ่อ ส่งผลให้เกิดความเครียดเเละภูมิคุ้มกันที่ลดลง เสี่ยงเป็นโรคได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกุ้งขาว (Litopenaeus vannamei ) ที่ชอบให้ความเค็มคงที่
ค่าพีเอชเเละค่าอัลคาไลน์เปลี่ยน (pH and alkalinity changes) โดยปกติฝนจะมีสภาพเป็นกรด (มีค่า pH ประมาณ 5.6) เมื่อตกลงสู่บ่อกุ้งเเล้วจะทำให้ค่าเดิมของ pH เเละค่าความเป็นด่าง (Alkalinity) เปลี่ยนเเปลงไป ทำให้กุ้งไม่กินอาหาร อ่อนเเอ โตช้า ลอกคราบเเละตายได้ง่าย
ลดปริมาณออกซิเจนในบ่อลง (Reduced oxygen levels) เพราะฝนมากับเมฆดำบดบังเเสงเเดด ทำให้ปริมาณเเสงส่องลงบ่อน้อย สาหร่ายเขียวที่ทำหน้าที่สังเคาระห์เเสงเเละผลิตออกซิเจนก็ทำงานได้น้อยลงตามลำดับ ผลคือปริมาณออกซิเจนในบ่อกุ้งตกลง กุ้งเกิดอาการหัวลอย น็อคน้ำเเละตายได้
ภูมิคุ้มกันตก…ความเสี่ยงเป็นโรคระบาดสูง
เมื่อน้ำในบ่อเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เช่น ความเค็มหรือ pH ลด กุ้งจะเกิดความเครียด ทำให้ ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
สร้างสภาวะที่เหมาะเเก่การเติบโตของจุลินทรีย์ร้าย สภาพอากาศชื้นและน้ำเย็นในฤดูฝนเป็นสวรรค์ของเชื้อโรค เช่น ไวรัสกุ้งขาวจุดขาว (WSSV) โรคตายด่วน (EMS) ซึ่งสามารถแพร่กระจายและทำลายทั้งบ่อได้ในเวลาไม่นาน
ปัญหาเรื่องไฟฟ้า
พายุฝนฟ้าคะนองที่เกิดบ่อยในฤดูฝน อาจทำให้เกิดไฟดับ หรือระบบไฟฟ้าขัดข้อง ส่งผลต่อการทำงานของเครื่องตีน้ำ ทำให้การเติมออกซิเจนขาดช่วงขาดขาดตอน เเละเกิดการไหลเวียนของน้ำผิดปกติ
ในขณะเดียวกัน การเปิดเครื่องตีน้ำบ่อยขึ้นเพื่อเร่งเติมออกซิเจน ก็จะเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิต
ฝนตก ความเค็มเปลี่ยน กระทบหนักต่อสุขภาพกุ้ง
กุ้งเป็นสัตว์ที่สามารถควบคุมความเค็มในร่างกายได้ หรือเรียกว่า osmoregulators กุ้งจึงต้องคอยรักษาสมดุลระหว่างน้ำกับเกลือในร่างกายให้ใกล้เคียงกับสภาพเเวดล้อมภายนอกตลอดเวลา เมื่อความเค็มในบ่อลดลงเพราะฝนตก โดยเฉพาะการเปลี่ยนเเปลงอย่างฉับพลัน จะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพกุ้งหลายด้าน

ความเครียดจากเเรงดันออสโมซิส (osmoregulators) เพื่อรักษาระดับเเร่ธาตุในร่างกาย กุ้งจะพยายามไม่ให้น้ำจืดไหลเข้าสู่เซลล์มากกเกินไป ซึ่งกระบวนการนี้จำเป็นต้องใช้พลังงานจำนวนมาก หากเกิดการเปลี่ยนเเปลงคุณภาพน้ำอย่างรวดเร็วหรือรุนเเรงเกินไป ระบบภายในกุ้งจะรับไม่ไหว
ใช้พลังงานมากขึ้น กุ้งจะดึงพลังงานที่ใช้ในการเติบโต ย่อยอาหารหรือสร้างภูมิคุ้มกัน ไปรักษาสมดุลภายในร่างกายเเทน ทำให้กุ้งเติบโตช้าลง
เปลือกอ่อน เปลือกบาง เพราะความเค็มส่งผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุสำคัญอย่างแคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเปลือกให้แข็งแรง หากดูดซึมได้น้อย การลอกคราบจะเสี่ยงและอาจทำให้กุ้งตายได้
จุลินทรีย์ในบ่อเสียสมดุล น้ำที่มีความเค็มต่ำจะเปลี่ยนสมดุลของจุลินทรีย์ในบ่อ ทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อันตราย เช่น Vibrio spp. เจริญเติบโตได้ดีขึ้น ก่อให้เกิดโรคได้ง่าย
กุ้งจะโตดีในน้ำที่มีความเค็มค่อนข้างคงที่ การเปลี่ยนแปลงความเค็มแบบฉับพลัน เช่น ฝนตกหนัก อาจทำให้ร่างกายกุ้งรับมือไม่ทันและเกิดปัญหาหลายด้าน
ทุกหยาดฝนคือความเสี่ยง
เพราะหน้าฝนมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของคุณภาพน้ำที่รวดเร็วและคาดเดายาก เช่น ความเค็มลดลง pH เปลี่ยน ออกซิเจนลดต่ำลงอย่างกะทันหัน ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของกุ้ง แต่ถ้าเตรียมตัวดี มีระบบช่วยดูแลบ่ออัจฉริยะ (Smart Farming Tools) ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลกับปัญหา "ร้อยแปดพันเก้า" ที่มากับฝน
เริ่มลงทุนปรับฟาร์มกุ้งสู่ระบบ ฟาร์มอัจริยะ อย่างการใช้เทคโนโลยี Smart Farm อย่าง HydroNeo เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ
ระบบติดตามคุณภาพน้ำแบบเรียลไทม์
HydroNeo ช่วยคุณติดตามพารามิเตอร์สำคัญในบ่อได้แบบเรียลไทม์ ทั้ง
ออกซิเจนละลายน้ำ (DO - Dissolved Oxygen)
ค่าความเป็นกรดด่าง หรือ พีเอช
อุณหภูมิ
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ ระบบจะแจ้งเตือนทันทีผ่านแอปฯ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการพยากรณ์
HydroNeo ไม่เพียงแค่ตรวจวัด แต่ยังเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์เพื่อวิเคราะห์แนวโน้ม ช่วยให้คุณ:
มองเห็นสัญญาณเตือนก่อนเกิดปัญหา
วางแผนการให้อาหาร / เติมแร่ธาตุ / ปรับคุณภาพน้ำได้แม่นยำยิ่งขึ้น
ระบบแจ้งเตือนอัจฉริยะ
ไม่จำเป็นต้องเฝ้าบ่อกุ้งตลอด 24 ชั่วโมง — HydroNeo ส่งการแจ้งเตือนทันทีผ่านแอปพลิเคชัน เมื่อค่าคุณภาพน้ำเกินขอบเขตความปลอดภัย เช่น:
ค่า DO ตกต่ำค่ามาตรฐาน
การเปลี่ยนเเปลงค่าพีเอชที่รวดเร็ว
นี่ช่วยให้เกษตรกรสามารถดำเนินการได้ทัน ก่อนที่กุ้งจะได้รับผลกระทบรุนแรง ให้ HydroNeo เป็นผู้ช่วยคนสำคัญในการดูแลบ่อกุ้งช่วงหน้าฝน—ลดความเสี่ยง วางแผนอย่างแม่นยำ ปรับตัวได้รวดเร็ว และป้องกันปัญหาก่อนจะเกิดขึ้น
เตรียมพร้อมรับมือหน้าฝน ด้วยแผนสำรองที่รอบด้าน
ฝนตกไม่ใช่ปัญหา หากเกษตรกรพร้อมรับมือ! เตรียมอุปกรณ์ปรับคุณภาพน้ำ เช่น เกลือ แร่ธาตุ ปูน และจุลินทรีย์ไว้พร้อมใช้งาน เเละวางแผนเผื่อ ไฟดับ ด้วยการมีเครื่องปั่นไฟสำรอง หรือระบบสำรองพลังงาน
เเผนรับมืออื่น ๆ กรณีที่ต้องมีการเติมสารเคมีเพิ่มเติม เพื่อปรับเปลี่ยนค่าน้ำให้กลับสู่สภาวะปกติ อาทิ
พยายามรักษาระดับ ความเค็มและ pH ให้นิ่ง โดยเติมเกลือทะเลหรือสารปรับสภาพน้ำตามจำเป็น
ใช้ปูนโดโลไมต์หรือปูนขาวช่วยปรับค่า Alkalinity
ลดปริมาณอาหารในช่วงฝนตกเพื่อป้องกันน้ำเสีย
หมั่นดูดของเสียจากก้นบ่อ เพื่อควบคุมแบคทีเรียไม่ดี เช่น Vibrio Vibrio.
การปรับเปลี่ยนระบบเลี้ยงกุ้งสู่ระบบ Smart Farm ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่คุ้มต่อการลงทุนระยะยาว สามารถรับมือความผันผวนจากฝนตก หรือสภาวะอากาศเเปรปรวนในปัจจุบันจากสภาวะโลกเดือด เเละรอบวัฏจักร El nino และ La nina
การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย การมีระบบติดตามคุณภาพน้ำเเบบ Real-time ตรวจค่า DO อุณหภูมิ pH ได้แบบเรียลไทม์ผ่านมือถือ มีคนช่วยแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อค่าผิดปกติ ทำให้เราสามารถตัดสินใจเร็ว แก้ปัญหาทันท่วงที เเละที่สำคัญ ระบบ Smart farm สามารถควบคุมอุปกรณ์ให้อาหาร ออกซิเจน ได้แม้อยู่ไกลจากฟาร์ม
ฝนจะตกกี่เดือนก็ไม่หวั่น ถ้ามี HydroNeo คอยดูแลบ่อให้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะหน้าฝนไม่ใช่ศัตรู...ถ้าเรามีเครื่องมือที่ใช่!