คุณภาพน้ำที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงกุ้ง

การเลี้ยงกุ้ง

คุณภาพน้ำมีความสำคัญอย่างมาก สำหรับ การเลี้ยงกุ้ง หากคุณภาพของน้ำไม่ดี จะทำให้สัตว์ในน้ำได้รับผลกระทบทั้งต่อร่างกายสัตว์ สารเคมี และความเครียดทางชีววิทยา ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออัตราการเติบโต การสืบพันธุ์ และอัตราการอยู่รอดของสัตว์น้ำอีกด้วย 

ดังนั้น ความเข้าใจในคุณภาพของน้ำจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อสิ่งแวดล้อมของน้ำสำหรับสัตว์ และเพื่อให้กุ้งเจริญเติบโตได้ดี

ค่าออกซิเจนละลายในน้ำที่เหมาะสมกับการเลี้ยงกุ้ง

ค่าดีโอ (DO) คือ ค่าออกซิเจนละลายน้ำ มีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในน้ำทั้งหมด โดยค่าดีโอสามารถบอกได้ถึงความเหมาะสมเพียงพอต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตในน้ำ ปริมาณการละลายของออกซิเจนจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิน้ำ ความเค็ม ขบวนการย่อยสลายต่างๆ ภายในน้ำ และการสังเคราะห์แสงของพืช

กระบวนการสังเคราะห์แสงของพืชจะเกิดขึ้นในตอนกลางวัน ออกซิเจนที่ได้จากการสังเคราะห์แสง จะทำให้ค่าดีโอสูงในช่วงกลางวัน ในขณะที่เวลากลางคืน สัตว์น้ำและพืชน้ำก็ยังคงใช้ออกซิเจนในการหายใจ และสังเคราะห์คาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ค่าดีโอในช่วงค่ำจึงลดลง  เนื่องจากออกซิเจนมีความสำคัญต่อการหายใจของสิ่งมีชีวิตในน้ำ รวมถึงกุ้ง

ดังนั้นค่าดีโอจึงมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของกุ้ง ทำให้บ่อเลี้ยงกุ้ง ควรควบคุมค่าดีโอให้อยู่ในช่วงสูงกว่า 5 มก./ลิตร จะช่วยลดความเครียดของกุ้งและส่งผลที่ดีต่อแนวโน้มในการเจริญเติบโตทั้งในด้านผลผลิตที่สูงและมีค่าอัตราการแลกเนื้อที่ต่ำ

ออกซิเจนมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต รวมถึงสัตว์น้ำและกุ้ง ดังนั้นในน้ำจึงต้องมีปริมาณออกซิเจนที่เพียงพอต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใช้เพื่อสันดาปพลังงานผ่านกระบวนการหายใจ, การย่อยสลายสารอินทรีย์ และการสร้างอาหารของแพลงก์ตอน แต่เนื่องจากปริมาณของออกซิเจนที่ละลายในน้ำจะแปรผันด้วยปัจจัยหลายปัจจัยดังที่กล่าวมาข้างต้น

อย่างไรก็ตามค่าออกซิเจนละลายน้ำ (DO) ที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของกุ้ง จะต้องอยู่ในช่วงไม่ต่ำกว่า 5 มิลลิกรัมต่อลิตร (ppm) เนื่องจากหากมีค่า DO ต่ำกว่าค่ามาตรฐานจะมีผลต่อการกินอาหารของกุ้ง การย่อยสลายของจุลินทรีย์ภายในบ่อกุ้ง การลอกคราบ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้กุ้งเจริญเติบโตช้าและทำให้มีปัญหาในการเลี้ยงกุ้งอยู่บ่อยๆ

ค่าความเป็นกรด-ด่างควรอยู่ในระดับเท่าใดใน การเลี้ยงกุ้ง

ค่า pH คือค่าความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำ เป็นการวัดปริมาณความเข้มข้นของไฮโดรเจนอิออนที่มีอยู่ในน้ำ ค่าในการวัดของ pH จะอยู่ในช่วง 1-14 ดังนั้นถ้าค่า pH มีค่าเท่ากับ 7 จะมีคุณสมบัติเป็นกลาง ถ้ามีค่าต่ำกว่า 7 แสดงว่าน้ำมีสภาวะเป็นกรด และถ้าสูงกว่า 7 ก็จะมีสภาวะเป็นด่าง

ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงของ ค่า pH ในรอบวัน เกิดขึ้นเนื่องจากการสังเคราะห์แสงของแพลงก์ตอนพืชในเวลากลางวัน จะทำให้ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในน้ำลดลง ส่งผลความเป็นด่างสูงขึ้น และในเวลากลางคืนค่า pH ของน้ำลดลง เนื่องจากกระบวนการหายใจของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำ จะคายคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ทำให้น้ำมีความเป็นกรดมากขึ้น ซึ่งในการเลี้ยงกุ้งต้องรักษาระดับค่า pH ของน้ำให้มีความเหมาะสมอยู่ในช่วง 7.0-8.5 ซึ่งในรอบวันไม่ควรเกิน หรือเปลี่ยนแปลงมากจนเกินไป เพราะการเปลี่ยนแปลงของ pH ในรอบวันจะทำให้กุ้งเกิดความเครียด ไม่เจริญเติบโต และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลง ทำให้ติดเชื้อโรคได้ง่าย 

นอกจากค่า pH จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อกุ้งแล้ว ยังส่งผลต่อความเป็นพิษของแอมโมเนีย และไฮโดรเจนซัลไฟด์ เมื่อค่า pH ลดต่ำลงจะท้าให้ความเป็นพิษของไฮโดรเจนซัลไฟด์มีต่อกุ้งเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้า pH ที่สูงขึ้นจะทำให้ความเป็นพิษของแอมโมเนียต่อกุ้งเพิ่มสูงขึ้นตามด้วย

ความเป็นด่างต้องอยู่ระดับที่เท่าใด

ความเป็นด่างของน้ำ มีคุณสมบัติในการควบคุมการเปลี่ยนแปลง ค่า pH ของน้ำไม่ให้เปลี่ยนแปลงมากเกินไป (Buffering capacity) ค่าความเป็นด่างมีความสัมพันธ์กับธาตุแมกนีเซียมในน้ำ ทำหน้าที่รักษาระดับความเป็นด่างให้คงที่ เปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด ส่งผลให้ร่างกายของกุ้งอยู่ในภาวะสมดุล สามารถดึงแร่ธาตุไปใช้ในการดำรงชีวิตและการเจริญเติบโต

ค่าความเป็นด่างที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงกุ้ง ควรอยู่ที่ระดับ 80-170 มก./ลิตร เป็นช่วงที่เหมาะสมซึ่งช่วยให้ร่างกายกุ้งเกิดการสมดุล ช่วยให้เกิดการลอกคราบได้อย่างสมบูรณ์ หากค่าความเป็นด่างมีค่าต่ำกว่า 80 มก./ลิตร ส่งผลให้กุ้งลอกคราบไม่สมบูรณ์ เปลือกนิ่ม สามารถแก้ไขโดยการเติมปูนโดโลไมท์ 1 ลูก/ ไร่ หรือโซเดียมไบคาร์บอเนต 25 กก./ไร่ และควรใส่ในช่วงที่ไม่มีแสงแดด หรือช่วงหัวค่ำ  หากสภาพความเป็นด่างมีค่าสูงกว่า 170 มก./ลิตร ก็จะส่งผลให้กุ้งลอกคราบไม่ออก ลำตัวสากแข็ง ดังนั้นจึงควรลดค่าความเป็นด่างโดยการเปลี่ยนถ่ายน้ำ หรือใส่กากน้ำตาล 15 ลิตร/ไร่ ทุกๆ 5-7 วัน โดยค่อยๆ ปรับลดสภาพความเป็นด่างลง ซึ่งในช่วงนี้ไม่ควรเติมปูน

อุณหภูมิน้ำเปลี่ยนไป ส่งผลต่อการเลี้ยงกุ้งอย่างไร

การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำ มีผลต่อกุ้ง เนื่องจากกุ้งเป็นสัตว์เลือดเย็น โดยส่งผลในทางตรงต่อสัตว์น้ำ คือ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น 1 องศาเซลเซียส ทำให้กระบวนการเมตาบอลิซึมของสัตว์เพิ่มขึ้น 10 เท่า จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้สัตว์ต้องการอาหารและออกซิเจนเพิ่มขึ้น ส่วนทางอ้อม มีผลต่อการย่อยสลายอินทรีย์สารของจุลินทรีย์ จะส่งผลให้ปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำลดลง ซึ่งอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของกุ้งอยู่ที่ 28-30 องศาเซลเซียส

ผลของฝนตกต่อคุณภาพน้ำใน การเลี้ยงกุ้ง

ฤดูฝนมีผลกระทบต่อคุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงสู่บ่อ จะทำให้อุณหภูมิในบ่อเลี้ยงมีค่าลดลง 3-5 ◦C ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำอย่างรวดเร็ว กุ้งจะเกิดอาการช็อกเกร็งได้ ทำให้กุ้งมีลักษณะคล้ายเป็นตะคริวได้เช่นกัน และเมื่อฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ปริมาณน้ำฝนซึ่งมีความเป็นกรดหรือค่าความเป็นด่าง (alkalinity) ต่ำมาก จะมีผลทำให้ค่า pHของน้ำต่ำลงเรื่อยๆ หรือจนถึง pH 6.7  ซึ่งเป็นผลทำให้กุ้งไม่สามารถลอกคราบได้อย่างปกติ ค่าความเป็นด่างลดต่ำลงไปด้วยเป็นการกระตุ้นทำให้กุ้งขาวแวนนาไมมีการลอกคราบมากกว่าปกติ  และยังส่งผลต่อความเค็มของน้ำในบ่อเลี้ยงมีค่าลดลงกว่าปกติ เนื่องจากถูกเจือจางด้วยน้ำฝนที่ตกลงมาในบ่อ ในขณะที่ปริมาณแร่ธาตุต่างๆ ที่สำคัญ ได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม คลอไรด์ โซเดียม และซัลเฟต จะลดต่ำลงกว่าปกติอีกด้วย โดยเฉพาะแคลเซียมและแมกนีเซียมจะมีความสำคัญต่อการสร้างเปลือกกุ้ง

ตามปกติ กุ้งจะพยายามรักษาความสมดุลของปริมาณแร่ธาตุในเลือดให้คงที่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อปริมาณแร่ธาตุที่สำคัญในน้ำลดต่ำลง กุ้งต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการดึงแร่ธาตุต่างๆ ในน้ำเข้าสู่ร่างกาย ทำให้กุ้งอ่อนเพลียและมีโอกาสที่ป่วยหรือตายหลังจากการลอกคราบได้อีกด้วย 

ส่วนค่าความกระด้างของน้ำ (Hardness) ก็ลดลงแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณของฝนที่ตกลงมาอีกด้วย เมื่อเกิดฝนตกทำให้มีแสงที่ส่งกระทบลงสู่บ่อเลี้ยงน้อยลง จึงทำให้แพลงก์ตอนในบ่อเลี้ยงไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ก็จะทำให้เกิดความขุ่น (Turbidity) ของน้ำเพิ่มขึ้น เนื่องจากแพลงก์ตอนส่วนใหญ่จะตาย น้ำจะขุ่น และบ่อยครั้งจะพบว่ากุ้งมีเหงือกสีเข้มขึ้นจากตะกอนหรือซากแพลงก์ตอนเข้าไปอุดตันในเหงือก กุ้งที่อ่อนแอบางส่วนจะเริ่มเกาะตามขอบบ่อ การตายของแพลงก์ตอนก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ค่า DO ในบ่อเลี้ยงมีค่าต่ำลง ถ้าค่า DO ต่ำกว่า 3.0 ppm กุ้งจะไม่แข็งแรง การกินอาหารจะลดน้อยลง และในช่วงที่กุ้งกำลังลอกคราบ ถ้าระดับออกซิเจนต่ำกุ้งอาจจะลอกคราบแล้วตายได้

จัดการอย่างไรเมื่อฝนตก

ก่อนจะถึงช่วงฤดูฝน ก่อนปล่อยกุ้งอาจจะต้องประเมินปริมาณการเกิดฝนในรอบปีนั้นว่าจะมีการเกิดฝนมากหรือน้อย หากมีฝนมากและเป็นช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็ควรลดความหนาแน่นในการปล่อยกุ้งให้ลดน้อยลง ทำการเพิ่มเครื่องตีน้ำหรือเปิดเครื่องตีน้ำ เพราะในช่วงระยะเวลาที่ฝนตกให้มากขึ้นแพลงก์ตอนพืชในบ่อไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ ค่าออกซิเจนก็จะน้อยลง อีกทั้งยังต้องมีการเติมวัสดุปูนเพื่อทำการปรับ pH ให้คงที่ เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกจะทำให้ pH ลดลงกว่าเดิม อีกทั้งต้องทำการเสริมแร่ธาตุอย่างสม่ำเสมอ หรือเพิ่มในช่วงการลอกคราบของกุ้ง เพื่อให้กุ้งได้สร้างคราบใหม่ได้เร็วมีสุขภาพที่แข็งแรง

เพิ่มความแม่นยำและความสะดวกในการวัดค่าคุณภาพของน้ำได้ตลอด 24 ช.ม.

เครื่องควบคุมจัดการฟาร์มกุ้งระบบสมาร์ทฟาร์ม (Smart Farm) ของไฮโดรนีโอ มากับอุปกรณ์เซ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่ต่อผ่านเครื่องควบคุม เพื่อให้ผู้ใช้งานเห็นค่าเรียลไทม์ ทั้งค่าออกซิเจน ค่าพีเอช อุณหภูมิ และกระแสไฟฟ้า และสามารถตรวจสอบคุณภาพน้ำได้จากทุกที่ตลอด 24 ชม ผ่านแอปพลิเคชั่น

Leave a Reply

Close Menu